ข้อดีของการทำงานที่ Co-Working Space

สำหรับ Co-Working Space เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเทรนด์การทำงานในปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการทำงานในรูปแบบ Work from anywhere ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การทำงานที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Startup ที่นิยมการทำงานหลากหลายสถานที่ ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศหรือ Work from home เสมอไป บทความนี้ Siam Okamura จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก C0-Working Space กันให้มากขึ้น พร้อมทุกเรื่องราวที่คุณไม่ควรพลาด

ทำความรู้จัก Co-Working Space

Co-Working Space เดิมทีมาจากคำว่า Cooperate แล้วย่อให้เหลือเพียงแค่ Co กับคำว่า Working ที่แปลว่าทำงาน แล้วบวกกับคำว่า Space แปลว่าพื้นที่ จึงให้ความหมายที่บ่งบอกได้ว่าทุกคนสามารถเข้ามานั่งทำงานได้ตามปกติ โดยส่วนใหญ่แล้ว Co-Working Space จะมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการทำงานอย่างครบครัน ซึ่งไม่แตกต่างกับการนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ เนื่องจากมีทั้งโต๊ะทำงาน เก้าอี้ ห้องประชุม อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน รวมไปถึงขนมและเครื่องดื่มต่าง ๆ ซึ่งการมาทำงานที่ Co-Working Space ก็จะมีค่าเข้าใช้บริการทั้งแบบรายวัน รายเดือน หรือรายปี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน

Co-Working Space กับเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนไป

อย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า Co-Working Space เป็นพื้นที่ที่อำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างครบครัน โดยส่วนใหญ่แล้ว Co-Working Space มักตั้งอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย โดยผลการสำรวจจาก Upwork พบว่า แม้หลังสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้นจากแต่ก่อน แต่บริษัทกว่า 61.9% ยังคงให้การสนับสนุนรูปแบบการทำงานจากที่ไหนก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ส่งผลทำให้ Remote Workers มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น จึงทำให้ธุรกิจ Co-Working Space เป็นมากกว่าสถานที่ไว้นั่งทำงานสำหรับทุกคน

7 ข้อดีของการทำงานที่ Co-Working Space

เรียกได้ว่านี่คือพื้นที่การทำงานสำหรับผู้คนยุคใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานได้ทุกกลุ่มอาชีพ ทั้งนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการพื้นที่อิสระ หรือกลุ่มฟรีแลนซ์ ต่างสามารถสร้างสรรค์ไอเดียที่มีได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ การทำงานที่ Co-Working Space ยังมาพร้อมกับข้อดีอีกมากมาย ได้แก่

1. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

สำหรับข้อดีของการทำงานที่ Co-Working Space อย่างแรกคือเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ถูกจัดไว้อย่างครบครัน โดยผู้ใช้งานสามารถเข้ามาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างไปจากการทำงานที่ออฟฟิศ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมีทั้งโต๊ะทำงาน เก้าอี้ ที่เหมาะสมต่อการนั่งทำงาน รวมไปถึงห้องประชุมและอุปกรณ์สำคัญสำหรับการทำงานต่าง ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของคุณได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ เรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นสิ่งสำคัญ รับรองว่าที่นี่พร้อมให้คุณใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

2. เปิดโอกาสพบผู้คนใหม่ ๆ

การเลือกใช้บริการ Co-Working Space เป็นสถานที่ทำงานจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้พบเจอกับกลุ่มผู้คนใหม่ ๆ รวมถึงเพิ่มโอกาสแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นถึงสังคมต่าง ๆ โดยมีผลการสำรวจจาก Smallbiz พบว่า 82% ของผู้ที่ทำแบบสอบถามมี Professional Network เพิ่มขึ้นหลังจากทำงานที่นี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยเพิ่ม Connection ทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ Startup และ SME

3. สร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน

การทำงานในสถานที่ใหม่ ๆ ที่มีบรรยากาศเหมาะสมกับการทำงานจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างมาก โดยผลสำรวจจาก GCUC พบว่า 84% ของผู้ที่ทำงานภายใน Co-Working Space รู้สึกมีแรงกระตุ้นต่อการทำงานสูง เนื่องจากการทำงานในสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ที่เบี่ยงเบนความสนใจไปจากการทำงาน ทำให้ผู้ที่มาใช้บริการสามารถโฟกัสกับการทำงานได้อย่างเต็มที

4. กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

โดยส่วนใหญ่แล้ว Co-Working Space จะมีอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ไว้จำหน่ายให้กับผู้ที่มาใช้บริการ รวมไปถึงทำเลที่ตั้งมักรายล้อมไปด้วยร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น ผู้ที่มาใช้บริการจึงไม่ต้องกังวลไปว่าจะขาดอาหารและเครื่องดื่ม รับรองว่าระหว่างการทำงานท้องของคุณจะไม่ว่างอย่างแน่นอน

5. มีความยืดหยุ่นสูง

หากเช่าออฟฟิศรายเดือนอาจจะต้องพบกับข้อกำหนดที่มีความซับซ้อนและผูกมัดในหลายด้าน ทั้งเรื่องของค่ามัดจำ ระยะเวลาการเช่า รวมถึงค่าปรับต่าง ๆ แต่การทำงานที่ Co-Working Space มาพร้อมตัวเลือกในการทำสัญญาที่หลากหลายรูปแบบ มีทั้งบริการรายวันที่ไม่ผูกมัด ตลอดไปจนถึงการทำสัญญาระยะยาว จึงทำให้ผู้ที่มาใช้บริการเกิดความยืดหยุ่นสูงต่อการเปลี่ยนสถานที่ทำงานได้ตามที่ต้องการ

6. ถูกกว่าเช่าออฟฟิศ

ค่าเช่าออฟฟิศรายเดือนในย่านธุรกิจของกรุงเทพมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 810 บาท/ตร.ม. ประกอบกับข้อมูลค่าเฉลี่ยของความกว้างพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมคือ 1:10 เท่ากับพนักงาน 1 คน มีค่าใช้จ่ายรายเดือนประมาณ 8,100 บาท แต่ในขณะเดียวกันค่าเช่า Co-Working Space มีราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น

7. แบ่งพื้นที่การทำงานอย่างชัดเจน

จากการสำรวจของ Microsoft ที่ศึกษาชีวิตการทำงานของผู้คนในประเทศอังกฤษค้นพบว่ากว่า 86% ของผู้ที่ทำงานแบบ Work from home ต้องพบกับปัญหาการแบ่งแยกระหว่างเวลาการทำงานและเวลาส่วนตัวที่ไม่สามารถแบ่งแยกพื้นที่ออกจากการได้อย่างชัดเจน แต่การทำงานที่ Co-Working Space เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยกำหนดขอบเขตของการทำงานที่มีประสิทธิภาพและการพักผ่อนที่ชัดเจน

สรุปข้อดีการทำงานที่ Co-Working Space

สุดท้ายนี้ เชื่อว่าหลายคนคงได้ทำความรู้จักกับ Co-Working Space กันเพิ่มมากขึ้นแล้ว รวมทั้งยังได้รู้ถึงข้อดีในการทำงานที่ Co-Working Space อีกด้วย หากใครที่ยังไม่มีโอกาสในการทำงานในสถานที่แห่งนี้ ลองพาตัวเองไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำงานต่างสถานที่ดูบ้าง เผื่อได้แรงบันดาลใจและได้ทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน โต๊ะทำงาน และเก้าอี้สำนักงาน ไว้สำหรับตกแต่งภายในออฟฟิศ สามารถเข้ามาดูสินค้าได้ที่ Siam Okamura แบรนด์เฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่นที่พร้อมจะทำให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพและสวยงามได้ในเวลาเดียวกัน