10 วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เติมไฟให้พนักงานเต็มร้อย

May 16, 2023

ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

10 วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เติมไฟให้พนักงานเต็มร้อย

โพสใน

ส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรหรือกลุ่มธุรกิจต่างๆ นั้นล้วนเกิดมาจาก “พนักงาน” ทั้งสิ้น ไม่ว่าองค์กรจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ระดับ Enterprise ยังไงก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่าฟันเฟืองที่ช่วยขับเคลื่อนนั้นเกิดมาจากความสามารถของพวกเขานั่นเอง แต่สิ่งที่จะช่วยให้พนักงานมีความรู้สึกที่จะอยากสร้างสรรค์ผลงานกับองค์กรไปนานๆ คือ “ขวัญกำลังใจ” ดังนั้นการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เป็นส่วนสำคัญที่หัวหน้าและนายจ้างไม่ควรละเลย

10 วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน

เพื่อให้พนักงานพร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้าได้นั้น ตัวองค์กรเองก็จำเป็นที่ต้องมอบ Safe Zone ให้กับพวกเขาด้วยการสร้างแรงจูงใจในการทํางาน มาดูกันกันว่า 10 วิธีการสร้างแรงจูงใจในการทํางาน มีอะไรบ้าง

1. สร้างสภาพแวดล้อมของออฟฟิศให้น่าทำงาน

สร้างสภาพแวดล้อมของออฟฟิศให้น่าทำงาน

บรรยากาศการทำงานที่ดีพนักงานก็มีใจไปกว่าครึ่ง เพราะถ้าภายในออฟฟิศเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ก็สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ลดความเบื่อหน่ายระหว่างวันได้เป็นอย่างดี

โดยวิธีนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ตอบโจทย์การใช้ได้อย่างตรงจุด อย่าง โต๊ะทำงาน, เก้าอี้สำนักงาน, เก้าอี้ Ergonomic, อุปกรณ์ IT ที่จำเป็น, การตกแต่งภายในสำนักงาน, จัดโซนสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ, เพิ่มบรรยากาศด้วยเสียงเพลงเบาๆ เป็นต้น

2. มอบสวัสดิการและสิทธิพิเศษต่างๆ ที่เหมาะสม

ถัดมาเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับพนักงานทุกระดับ เป็นส่วนที่ทำให้เกิดการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ณ องค์กรนั้นๆ มากที่สุด ซึ่งทีมบริหารงานบุคคลหรือตัวองค์กรเองก็สามารถจัดสรรได้ เช่น สวัสดิการสำหรับการพักผ่อน อย่างการสนับสนุนด้านการออกกำลังกาย ฟิตเนส เล่นกีฬา, สวัสดิการที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ อาจจะเป็นส่งเสริมในคอร์สที่ได้ประโยชน์กับตัวพนักงานเอง และองค์กรด้วย อย่างทักษะด้านภาษา หรืออาจจะเป็นสวัสดิการด้านการท่องเที่ยว สำหรับการพักร้อนก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี

3. จัดการอบรมและการพัฒนาทางสายอาชีพขององค์กร

ข้อนี้เป็นไอเดียที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะนอกจากพนักงานจะได้ความรู้สำหรับต่อยอดหน้าที่ของพวกเขาแล้ว องค์กรเองก็ได้ประโยชน์จากความรู้ความสามารถของพนักงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำให้การจัดอบรมนั้นเป็นแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานได้ดี สามารถจัดการอบรมได้หลายวิธี เช่น การสับเปลี่ยนตำแหน่งหรือ Job Rotation สำหรับพนักงานที่อาจเบื่อกับงานเดิมๆ , การจัดอบรมจากภายในองค์กร และนอกองค์กร เพื่อเพิ่มทักษะด้านต่างๆ

4. ใช้การสื่อสารเชิงบวกเพื่อสร้างทัศนคติที่ดี

การสื่อสารนั้นเป็นตัวกำหนดทิศทางการทำงานได้ทุกภาคส่วน หากมีการสื่อสารที่ดีตรงประเด็นไม่ว่างานไหนก็ประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าหากในการสื่อสารนั้นสร้างพลังงานลบให้กับผู้รับสารหรือคนทำงาน ก็คงไม่ใช่เรื่องดีและอาจทำให้เกิดความบั่นทอนในการทำงาน ดังนั้นเพื่อให้สังคมการทำงานเต็มไปด้วย Passion จากพวกเขา การสื่อสารที่สร้างสรรค์คือส่วนสำคัญให้เกิดแรงจูงใจได้มากที่สุด เช่น มีการให้กำลังใจกันไม่ซ้ำเติม, มีการชมเชยเมื่อทำงานดี รวมไปถึงรู้จักทั้งการขอบคุณและขอโทษ

5. ให้เกียรติพนักงานและทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

ให้เกียรติพนักงานและทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับใดก็ตาม การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงการให้ความเคารพในหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานด้วยกัน ซึ่งในทางกลับกัน ถ้าหัวหน้างานไม่ให้เกียรติลูกน้องในทีม จากทั้งกิริยาและวาจา ก็จะทำให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ขาด Spirit ในการทำงานมากพอสมควร ดังนั้นต้องไม่ละเลยในสิ่งเหล่านี้ ให้ความยุติธรรมและความสำคัญแก่พวกเขา เพื่อให้พนักงานรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งและจุดยืนที่ชัดเจนในองค์กร

6. ให้รางวัลและยกย่องชมเชยอย่างสม่ำเสมอ

คำชมเชยและการให้รางวัลเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการสร้างแรงจูงใจ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวชมเมื่อทำงานสำเร็จ การมอบรางวัลพนักงานดีเด่น โบนัสพิเศษ หรือแม้แต่ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้พนักงานรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมีคนมองเห็นและให้คุณค่า ซึ่งจะกระตุ้นให้พวกเขารักษามาตรฐานการทำงานที่ดีและพัฒนาตนเองต่อไป

7. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย

พนักงานจะรู้สึกมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เมื่อพวกเขาทราบว่า เป้าหมายขององค์กรคืออะไร และบทบาทของพวกเขามีส่วนช่วยให้เป้าหมายนั้นสำเร็จได้อย่างไร การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และมีความท้าทายในระดับที่เหมาะสม เช่น การใช้ระบบ OKRs หรือ KPIs จะช่วยให้พนักงานมีทิศทางในการทำงาน รู้สึกภาคภูมิใจเมื่อสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ และกล้าที่จะทดลองแนวคิดใหม่ ๆ ในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่สูงขึ้น

8. ให้อิสระและความไว้วางใจในการทำงาน

การบริหารงานแบบจับตามองทุกฝีก้าว (Micromanagement) เป็นตัวบั่นทอนกำลังใจชั้นยอด การมอบความไว้วางใจและให้อิสระแก่พนักงานในการตัดสินใจและบริหารจัดการงานของตนเอง จะทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่า มีความเป็นเจ้าของในงานที่ทำ และกล้าที่จะคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น

9. ส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance)

ส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance)

ในยุคปัจจุบัน Work-Life Balance เป็นปัจจัยสำคัญที่พนักงานมองหา องค์กรที่สนับสนุนให้พนักงานได้ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเต็มที่ เช่น การมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น นโยบายการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote/Hybrid Work) หรือการส่งเสริมให้ใช้วันลาพักร้อนอย่างเต็มที่ จะช่วยลดความเครียดและภาวะหมดไฟ ทำให้พนักงานกลับมาทำงานได้อย่างสดชื่นและมีประสิทธิภาพ

10. สร้างโอกาสในการเติบโตและความก้าวหน้า

พนักงานส่วนใหญ่มองหาอนาคตที่มั่นคงและเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจน องค์กรควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่ง การเพิ่มความรับผิดชอบ หรือการมอบหมายโปรเจกต์ที่ท้าทาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถเติบโตและมีอนาคตที่สดใสไปพร้อมกับองค์กรได้

ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน

  • ผลตอบแทนและสวัสดิการ เงินเดือน โบนัส และสวัสดิการที่เหมาะสมและแข่งขันกับตลาดได้
  • สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กร บรรยากาศในการทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า
  • ลักษณะของงาน ความท้าทาย ความหมาย และคุณค่าของงานที่ทำ
  • การยอมรับและเห็นคุณค่า การได้รับคำชมเชย รางวัล และการยอมรับในผลงาน
  • โอกาสในความก้าวหน้า เส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพที่ชัดเจน
  • ภาวะผู้นำ ความสามารถ วิสัยทัศน์ และการปฏิบัติตนของหัวหน้างาน
  • ความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว การที่องค์กรให้ความสำคัญกับชีวิตนอกเหนือจากงานของพนักงาน

 

อย่างที่ได้กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นว่าขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการทํางานของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นเป็นแรงกระตุ้นสำคัญสำหรับทุกคน การที่พนักงานคนหนึ่งมีความสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างสม่ำเสมอ องค์กรเองก็ต้องมอบสิ่งตอบแทนที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่ดี และสามารถซื้อใจให้พวกเขาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จต่อไปในอนาคต

ออฟฟิศที่น่าทำงานคือจุดเริ่มต้นของการสร้างแรงจูงใจและประสิทธิภาพในการทำงาน หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยออกแบบออฟฟิศใหม่ Siam Okamura ให้บริการออกแบบออฟฟิศสำนักงานครบวงจรตั้งแต่การวางผังเค้าโครง การให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการจัดการโครงการและการบำรุงรักษา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สำนักงานคุณภาพจากญี่ปุ่น ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ทำงาน ที่จะช่วยเติมเต็มออฟฟิศของคุณให้พร้อมใช้งานอย่างมีสไตล์และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

Tags: