นายจ้างต้องรู้ วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเห็นผล

เมื่อที่ทำงานมีสภาพแวดล้อมที่ดีก็ล้วนส่งผลดีต่อทุกสิ่ง สร้างรอยยิ้ม และสามารถผลิตผลงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องสีผนังของออฟฟิศเท่านั้น แต่วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพที่นายจ้างต้องทราบมีอะไรบ้างนั้น ต้องตามไปดูกันได้เลยว่ามีรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจบ้าง

7 เทคนิคช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน

สภาพแวดล้อมที่ทำงานที่ดี ไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป เพียงนายจ้างควรให้ความสำคัญกับ 7 เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพียงเท่านี้ก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีดังนี้

1. ออกแบบพื้นที่ทำงานให้ทันสมัย

การออกแบบพื้นที่เพื่อตอบโจทย์ความทันสมัยก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากๆ ช่วยทำให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ยิ่งมีการจัดมุมพักผ่อนหรือจัดโซน Co-Working Space เปรียบดังที่ทำงานเสมือนร้านกาแฟ รวมถึงมีการเปิดเพลงคลอเบาๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ที่โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศที่ดีช่วยให้พนักงานไม่ตึงเครียดจนเกินไป คิดงานได้อย่างลื่นไหล ประสิทธิภาพของงานก็เพิ่มขึ้นไปด้วย

2. โต๊ะและเก้าอี้ทำงานตามหลักสรีรศาสตร์

พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่มักจะพบเจอกับปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรม เกิดเนื่องมาจากการทำงานในอิริยาบถแบบเดิมซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้นหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีให้แก่พนักงาน ก็ควรมีการจัดโต๊ะทำงานและเก้าอี้ทำงานตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างผ่อนคลาย นั่งได้นานยิ่งขึ้น ขจัดปัญหาออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดี

3. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มากที่สุด

ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเป็น 2 เท่า  คงหนีไม่พ้นไปจากเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบนระบบคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย แถมประหยัดเวลาทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

4. ส่งเสริมให้พนักงานได้รับทักษะใหม่ ๆ

ส่งเสริมให้พนักงานได้รับทักษะใหม่ๆ เพราะการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้แค่ในองค์กร หากมีการเพิ่มการเรียนรู้ภายนอกด้วย ก็จะช่วยทำให้ระบบการทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดทักษะใหม่ๆ ตามมาผลประโยชน์ก็จะกลับมาสู่องค์กร

5. ให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงาน

การให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงานก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ที่ดี นอกจากจะมีการตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว การจัดสภาพแวดล้อมสถานที่ทำงานก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เช่นเลือกใช้ เก้าอี้สำนักงาน ที่ตอบโจทย์ต่อสุขภาพ

6. ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น

สำหรับช่วงเวลาในการทำงาน ควรคำนึงถึงระยะเวลางานกับเวลาพักผ่อนว่าเหมาะสมกันหรือไม่ เพราะเมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จะทำให้เปรียบเสมือนคนใหม่ที่พร้อมรับมือกับงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี

7. Work From Home

เมื่อชีวิตมีอิสระก็จะช่วยเพิ่มความสุข ดีกว่าการควบคุมทุกอย่างจนกลายเป็นความเครียด แถมประสิทธิภาพการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้ก็ลดลง ซึ่งแน่นอนว่าการ work from home ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานช่วยลดความเครียดเพิ่มความสบายใจส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่งผลต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง

สภาพแวดล้อมการทำงานดี นอกจากจะส่งผลประโยชน์ต่อพนักงานแล้ว ก็ยังมีความสำคัญต่อการสำเร็จของธุรกิจอีกด้วย เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนอกจากจะทำให้พนักงานมีความสุข รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทำงานร่วมกันมากขึ้น รักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร ที่สำคัญงานก็บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สรุป

นอกจากการออกแบบออฟฟิศที่ดีแล้ว หากที่ทำงานมีความสุขก็ยิ่งมีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนั้นทุกองค์กรควรใส่ใจ และสามารถนำวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานไปลองปรับใช้กันได้ เพราะการทำงานอย่างมีความสุขก็ส่งผลดีต่อความเจริญก้าวหน้าขององค์กรเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าผลงานต่างๆ ก็จะออกมาดีอีกด้วย