ระดับตำแหน่งงานในองค์กรมีอะไรบ้าง เข้าใจให้ชัดก่อนเติบโตในสายอาชีพ

December 19, 2025

ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

ระดับตำแหน่งงานในองค์กรมีอะไรบ้าง เข้าใจให้ชัดก่อนเติบโตในสายอาชีพ

โพสใน

เวลาเราเข้าไปทำงานในบริษัทใหม่ ๆ เคยสงสัยไหมว่า ทำไมมีตำแหน่งเยอะไปหมด ทั้ง Officer, Supervisor, Manager หรือ C-Level ตำแหน่งเหล่านี้ต่างกันอย่างไร และใครทำหน้าที่อะไรบ้าง การเข้าใจโครงสร้างและระดับตําแหน่งงานในองค์กร จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของบริษัท รู้ว่าใครรับผิดชอบอะไร และที่สำคัญคือ ทำให้เราวางแผนเส้นทางอาชีพของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น

ระดับตำแหน่งงานในองค์กร มีกี่ระดับ

แม้ว่าโครงสร้างของแต่ละบริษัทอาจจะไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไป เราสามารถแบ่งระดับตําแหน่งงานในองค์กร ออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ประมาณ 5 ระดับ เพื่อให้เห็นภาพความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน

ระดับผู้บริหาร (Executive Level / C-Level) 

ระดับผู้บริหารคือกลุ่มตำแหน่งที่สูงสุดในองค์กร คนกลุ่มนี้มักจะมีชื่อตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วย C หรือ “Chief” ได้แก่

  • CEO (Chief Executive Officer) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • CFO (Chief Financial Officer) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
  • COO (Chief Operating Officer) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
  • CMO (Chief Marketing Officer) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด 
  • CTO (Chief Technology Officer) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี

หน้าที่ของระดับผู้บริหาร คือการคิดและตัดสินใจในภาพที่ใหญ่ที่สุด วางกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของบริษัทว่าในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าจะไปทางไหน พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อผลกำไรขาดทุนทั้งหมด และรายงานตรงต่อเจ้าของบริษัทหรือคณะกรรมการบอร์ด ระดับตําแหน่งงานในองค์กรนี้คือจุดที่ต้องใช้ประสบการณ์และความสามารถในการนำพาทั้งองค์กร

https://www.okamura.co.th/th/our-product/seating/office-chairs/

ระดับผู้จัดการ (Manager Level) 

หาก C-Level คือคนกำหนดเป้าหมาย Manager หรือผู้จัดการ คือคนที่จะนำเป้าหมายนั้นมาเปลี่ยนให้เป็น “แผนงาน” ที่จับต้องได้ คนกลุ่มนี้คือผู้บริหารระดับกลาง (Middle Management) เช่น ผู้อำนวยการฝ่าย (Director) หรือผู้จัดการแผนก (Department Manager) พวกเขาทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับทีมปฏิบัติการ ต้องบริหารงบประมาณ จัดการทรัพยากร และดูแลทีมที่ใหญ่ขึ้น (ซึ่งอาจมี Supervisor อยู่ข้างใต้) ระดับตําแหน่งงานในองค์กรนี้ต้องเก่งทั้งการวางแผนกลยุทธ์และการบริหารคน

ระดับผู้จัดการ (Manager Level)

ระดับหัวหน้างาน (Supervisor Level) 

Supervisor หรือหัวหน้างาน คือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับพนักงานปฏิบัติการมากที่สุด พวกเขารับแผนงานจาก Manager มาย่อยให้เป็นการทำงานจริงในแต่ละวัน หน้าที่หลักคือการควบคุมดูแล สอนงาน และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับลูกทีม Supervisor คือคนแรกที่ลูกทีมจะวิ่งเข้าหาเมื่อเจอปัญหา และเป็นคนแรกที่ต้องตรวจสอบคุณภาพงานก่อนส่งต่อ ระดับตําแหน่งงานในองค์กรนี้จึงต้องเก่งทั้งงานและเก่งทั้งคน

ระดับปฏิบัติการ (Operational / Staff Level) 

ระดับปฏิบัติการเป็นพนักงานที่ทำงานเฉพาะทางตามความสามารถของตนเอง เช่น เจ้าหน้าที่การตลาด (Marketing Officer) พนักงานขาย (Sales Representative) นักบัญชี (Accountant) โปรแกรมเมอร์ (Developer) เป็นคนที่ลงมือทำงานจริง ๆ ให้เกิดขึ้นตามแผนที่ Supervisor วางไว้ ความก้าวหน้าในระดับตําแหน่งงานในองค์กรนี้มักจะวัดจากผลงานและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อาจเติบโตเป็นระดับ Senior Specialist หรือขยับขึ้นไปเป็น Supervisor ต่อไป

ระดับเจ้าหน้าที่สนับสนุน (Administrative Level) 

แม้จะไม่ได้เป็นคนผลิตสินค้าหรือบริการโดยตรง แต่หากขาดคนกลุ่มนี้ไป องค์กรก็อาจจะสะดุดได้ คนกลุ่มนี้คือ ผู้สนับสนุน หรือแอดมิน (Admin) ที่คอยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างราบรื่น เช่น เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ พนักงานต้อนรับ หรืองานประสานงานต่าง ๆ พวกเขาคือคนสำคัญที่ช่วยจัดการงานเอกสาร การนัดหมาย และดูแลความเรียบร้อยของออฟฟิศ เพื่อให้ระดับตําแหน่งงานในองค์กรอื่น ๆ โฟกัสกับงานหลักของตัวเองได้อย่างเต็มที่

แผนกหลักในองค์กร และบทบาทสำคัญของแต่ละฝ่าย

แผนกหลักในองค์กร และบทบาทสำคัญของแต่ละฝ่าย

เมื่อเรารู้จักระดับตําแหน่งงานในองค์กรแล้ว ก็มาดูกันว่าในบริษัทหนึ่ง ๆ มักจะมีแผนกหรือฝ่ายอะไรบ้างที่ทำงานร่วมกัน

แผนกบริหาร (Management Department) 

อย่างที่กล่าวไปในระดับตําแหน่งงานในองค์กร กลุ่มนี้คือกลุ่มผู้บริหารระดับสูง (C-Level) และผู้จัดการ (Manager) ที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย วางกลยุทธ์ และตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ เพื่อกำหนดทิศทางให้ทั้งบริษัทเดินไปในทางเดียวกัน

แผนกทรัพยากรบุคคล (Human Resources) 

แผนกทรัพยากรบุคคล หรือที่เราเรียกกันว่า “ฝ่ายบุคคล” หรือ HR แผนกนี้ดูแลเรื่อง “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของบริษัท ตั้งแต่การวางแผนกำลังคน สรรหาคนเก่ง ๆ เข้ามาทำงาน (Recruitment) พัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน (Training) ดูแลเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการ (Payroll & Benefits) ไปจนถึงการดูแลเรื่องกฎหมายแรงงานและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

แผนกการเงินและบัญชี (Finance & Accounting) 

แผนกนี้คือเส้นเลือดใหญ่ที่ดูแลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทั้งหมด โดยบัญชี (Accounting) จะเน้นการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การปิดงบ และการจัดการเรื่องภาษี ส่วนการเงิน (Finance) จะเน้นการวางแผนอนาคต เช่น การจัดทำงบประมาณ การบริหารสภาพคล่อง และการวางแผนการลงทุน

แผนกการตลาดและการขาย (Marketing & Sales) 

สองแผนกนี้มักจะทำงานคู่กัน การตลาด (Marketing) ทำหน้าที่สร้างความต้องการ และดึงดูดลูกค้าให้คนรู้จักแบรนด์ ผ่านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือทำคอนเทนต์ ส่วนการขาย (Sales) ทำหน้าที่ปิดการขาย คือการเปลี่ยนจากคนที่สนใจ ให้มาเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินจริง ๆ ดูแลลูกค้า และสร้างยอดขายให้ได้ตามเป้า

แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Department) 

ในปัจจุบัน แผนกนี้ขาดไม่ได้เลย IT ทำหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และเครือข่ายทั้งหมดของบริษัท คอยสนับสนุนให้แผนกอื่นทำงานได้ราบรื่น รวมถึงการดูแลความปลอดภัยของข้อมูล (Cybersecurity) ไม่ให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหล

แผนกบริการลูกค้า (Customer Service) 

แผนกนี้คือหน้าด่านสำคัญที่ต้องเจอกับลูกค้าหลังการขาย ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ตอบคำถาม และแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า การบริการที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ถือเป็นส่วนสำคัญในการรักษาฐานลูกค้า

เลือกเฟอร์นิเจอร์สำนักงานให้เหมาะกับทุกระดับตำแหน่งงานในองค์กร

จะเห็นว่าแต่ละระดับตําแหน่งงานในองค์กร มีลักษณะการทำงานที่ต่างกัน การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำนักงานจึงควรต่างกันไปด้วย

  • ระดับผู้บริหาร (Executive) ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่สะท้อนภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ มักใช้โต๊ะขนาดใหญ่และเก้าอี้ที่ดูภูมิฐาน นั่งสบายสำหรับการประชุมที่ยาวนาน
  • ระดับผู้จัดการ (Manager) ต้องการความสมดุลระหว่างการทำงานคนเดียวและการประชุมทีม อาจต้องการโต๊ะทำงานที่กว้างขวาง และชุดโต๊ะประชุมเล็ก ๆ ในห้อง
  • ระดับหัวหน้างาน (Supervisor) ทำงานแบบผสมผสาน ต้องจดจ่อกับงานเอกสารสลับกับการลุกไปดูแลลูกทีม เก้าอี้ที่รองรับการเคลื่อนไหวได้ดีจึงสำคัญมาก
  • ระดับปฏิบัติการ (Staff) คือกลุ่มที่มักจะต้องนั่งทำงานที่โต๊ะนานที่สุด การลงทุนกับเก้าอี้ Ergonomic ที่รองรับสรีระ และโต๊ะปรับระดับได้ คือสิ่งจำเป็นที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

การลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และที่ Siam Okamura ก็มีเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันเหล่านี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะมองหาเก้าอี้ผู้บริหาร เก้าอี้ Ergonomic หรือโต๊ะทำงานสำหรับพนักงานปฏิบัติการ สามารถแวะชมสินค้า เลือกแบบที่ใช่ และขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ทุกช่องทางของเรา

นอกเหนือจากการเลือกชมสินค้าผ่านทางเว็บไซต์แล้ว Siam Okamura ขอเรียนเชิญลูกค้าและองค์กรที่สนใจ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์จริง ที่โชว์รูมของเราภายใต้คอนเซ็ปท์ “LIVE OFFICE” ผสมผสานรูปแบบสำนักงานจริงเข้ากับการจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์อย่างกลมกลืน เพื่อเป็นต้นแบบของออฟฟิศยุคใหม่ที่รองรับการทำงานในทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะช่วยสร้างไอเดียและแรงบันดาลใจให้ลูกค้าสามารถนำไปปรับใช้กับพื้นที่สำนักงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเพื่อเข้าเยี่ยมชมและทดลองนั่งเก้าอี้รุ่นต่าง ๆ ได้ที่โชว์รูม OKAMURA LIVE OFFICE ณ ชั้น 19 อาคารมาลีนนท์ ถนนพระราม 4 โชว์รูมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ทุกวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ระหว่างเวลา 08.00 – 17.00 น.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ทำไมองค์กรต้องแบ่งระดับตำแหน่งงานอย่างชัดเจน 

การแบ่งระดับตําแหน่งงานในองค์กร ช่วยให้ทุกคนรู้ว่าใครต้องรายงานใคร ใครมีอำนาจตัดสินใจเรื่องไหน ทำให้การทำงานเป็นระบบ ไม่สับสน และยังช่วยสร้างเส้นทางความก้าวหน้า (Career Path) ให้พนักงานรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเติบโตได้

ถ้าองค์กรมีขนาดเล็ก ควรมีการจัดระดับตำแหน่งงานหรือไม่ 

ควรมี แต่อาจจะไม่ต้องซับซ้อนเท่าองค์กรใหญ่ บริษัทเล็ก ๆ หรือสตาร์ตอัปอาจมีโครงสร้างแบบแบนราบ (Flat Structure) ที่มีระดับตําแหน่งงานในองค์กรน้อยขั้นมาก ๆ แต่อย่างน้อยก็ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าใครคือผู้รับผิดชอบหลักในแต่ละส่วน

ผู้บริหารมี 3 ระดับ อะไรบ้าง 

โดยทั่วไปมักแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1. ผู้บริหารระดับสูง (Top Management เช่น CEO) ที่กำหนดนโยบาย 2. ผู้บริหารระดับกลาง (Middle Management เช่น Manager) ที่แปลงนโยบายเป็นแผน และ 3. ผู้บริหารระดับต้น (First-line Manager เช่น Supervisor) ที่ควบคุมการปฏิบัติงานจริง

สรุปบทความ

การทำความเข้าใจระดับตําแหน่งงานในองค์กร ช่วยให้เราเห็นภาพว่าบริษัทขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร ทุกตำแหน่งมีความสำคัญในบทบาทของตัวเอง การรู้ว่าใครทำอะไรจะช่วยให้เราประสานงานได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้เราวางแผนพัฒนาตัวเองเพื่อเติบโตในสายอาชีพได้ตรงจุด

การที่พนักงานจะทำงานได้ดีนั้น สภาพแวดล้อมและเครื่องมือก็เป็นสิ่งสำคัญ การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่เหมาะสมกับแต่ละระดับตําแหน่ง จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับบริษัท

Siam Okamura ในฐานะผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สำนักงานอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เราเข้าใจความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละตำแหน่ง เรามีเฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เก้าอี้ออฟฟิศที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์ (เก้าอี้ Ergonomic) ไปจนถึงโต๊ะทำงาน โต๊ะปรับระดับ ที่จะช่วยส่งเสริมให้การทำงานในทุกตำแหน่งมีคุณภาพดียิ่งขึ้น หากสนใจสินค้า สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2661-5474-9 อีเมล webcontact@th.okamura.com หรือ Official Store ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada และ Nocnoc

Latest posts

SEE ALL