ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท เปิดบริษัทใหม่ต้องรู้!

July 3, 2025

ใช้เวลาอ่าน 5 นาที

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท เปิดบริษัทใหม่ต้องรู้!

โพสใน

เจ้าของธุรกิจมือใหม่หลายคนคงอยากรู้ว่า ถ้าจะเปิดบริษัทให้ถูกต้องตามกฎหมายต้องทำอย่างไรบ้าง การจดทะเบียนบริษัทถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือและดำเนินงานได้อย่างเป็นทางการ ยิ่งธุรกิจขยายตัวและมีรายได้เพิ่มขึ้น ยิ่งต้องเข้าใจขั้นตอนให้ชัดเจน จะได้เตรียมตัวได้ครบถ้วน มาดูกันว่าการจดทะเบียนบริษัทต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ราบรื่นตั้งแต่เริ่มต้น

การจดทะเบียนบริษัทมีกี่แบบ

ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท ต้องทำความเข้าใจประเภทของการจดทะเบียนก่อน เพื่อเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

1. ประเภททะเบียนพาณิชย์ (บุคคลธรรมดา)

การจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ คือการเปิดบริษัทที่มีผู้ประกอบการคนเดียว หรือมีหุ้นส่วนไม่เกิน 3 คน เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีมูลค่าไม่สูงมาก เจ้าของกิจการสามารถดำเนินธุรกิจในนามตนเองได้โดยไม่ต้องมีขั้นตอนซับซ้อน

  • ข้อดี การดำเนินการง่าย รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายต่ำ และได้กำไรเต็มจำนวน 
  • ข้อเสีย ต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดและอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในระยะยาว

2. ประเภททะเบียนนิติบุคคล

การจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนนิติบุคคล คือการเปิดบริษัทที่มีเจ้าของตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป บริษัทจะมีตัวตนทางกฎหมายที่ชัดเจน การดำเนินงานทุกอย่างจะออกมาในนามของบริษัท 

  • ข้อดี ภาระหนี้ของกิจการจะแยกออกจากชื่อเจ้าของอย่างเป็นทางการ ลดความเสี่ยงส่วนบุคคล และเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งต่ำกว่าการดำเนินกิจการในนามบุคคลธรรมดา
  • ข้อเสีย บริษัทจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขทางกฎหมายที่ชัดเจน เช่น การทำบัญชี จัดทำงบการเงิน ยื่นภาษี และดูแลเรื่องประกันสังคมของพนักงาน นอกจากนี้กระบวนการจัดตั้งและปิดกิจการก็มีรายละเอียดมากกว่าและอาจต้องใช้เวลามากกว่า

การจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนนิติบุคคล แบ่งได้เป็น 3 ประเภทย่อย ได้แก่

1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ

ห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึงการดำเนินธุรกิจที่มีผู้ก่อตั้งหรือหุ้นส่วนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและแบ่งปันผลกำไรจากกิจการ

  • ข้อดี ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการบริหารจัดการกิจการ
  • ข้อเสีย ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันในหนี้สินของกิจการแบบไม่จำกัดจำนวน นั่นหมายความว่า หากห้างหุ้นส่วนมีหนี้สิน หุ้นส่วนทุกคนจะต้องชดใช้หนี้สินนั้น ๆ ด้วยทรัพย์สินส่วนตัว

ห้างหุ้นส่วนสามัญ

2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด

ห้างหุ้นส่วนจำกัด หมายถึงการดำเนินธุรกิจที่มีผู้ก่อตั้งหรือหุ้นส่วนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่ไม่มีข้อกำหนดเรื่องทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ โดยจะแบ่งผู้ถือหุ้นออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบจำกัดความรับผิดชอบ และแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบ

  • หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบ ผู้เป็นหุ้นส่วนมีสิทธิ์ส่งคำถาม ออกความเห็น หรือเป็นที่ปรึกษาของกิจการได้
  • หุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบ ผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถดำเนินกิจการและตัดสินใจทุกอย่างในกิจการได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินของกิจการแบบไม่จำกัดจำนวน ซึ่งอาจสูงกว่าเงินลงทุนของตนเอง และต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดที่เกิดขึ้น

3. บริษัทจำกัด

การประกอบธุรกิจรูปแบบบริษัทจำกัด เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการขยายตัวในระดับหนึ่ง มีมูลค่าของบริษัทที่สูง มีลักษณะการดำเนินธุรกิจร่วมกันเพื่อแสวงหากำไรร่วมกัน ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ในอดีตต้องมีผู้ก่อตั้งตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงกฎหมายตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ให้สามารถจดทะเบียนบริษัทได้โดยมีผู้ก่อตั้งตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

  • ข้อดี ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือในระยะยาวและมีระบบการบริหารจัดการที่เป็นระเบียบ สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ง่าย และในเรื่องหนี้สินที่เกิดขึ้นจากธุรกิจ ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของมูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนไว้เท่านั้น
  • ข้อเสีย การก่อตั้งและการยุติธุรกิจมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่ารูปแบบอื่น ๆ และต้องเสียภาษี 2 ครั้งต่อปี แม้ว่าอัตราภาษีจะต่ำกว่ารูปแบบการจดทะเบียนอื่น ๆ ก็ตาม

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท

หลังจากเข้าใจประเภทการจดทะเบียนแล้ว มาดู 9 ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทที่ต้องปฏิบัติกันเลย

1. ศึกษาข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท

ก่อนตัดสินใจเปิดบริษัท สิ่งสำคัญอันดับแรก คือการศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัท ทำความเข้าใจว่าธุรกิจของคุณเหมาะสมกับการจดทะเบียนประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภท เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของเอกสาร ชื่อบริษัท และเงื่อนไขทางกฎหมายต่าง ๆ 

2. จัดเตรียมเอกสารสำหรับการจดทะเบียนบริษัท

หลายคนสงสัยว่า จดทะเบียนบริษัท ใช้เอกสารอะไรบ้าง? เอกสารที่ต้องเตรียมไปจดทะเบียนบริษัทที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แก่

  • แบบ บอจ. 1 (แบบคำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด)
  • แบบคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด
  • แบบ บอจ. 2 (หนังสือบริคณห์สนธิ พร้อมชำระอากรแสตมป์ 200 บาท)
  • แบบ บอจ. 3 (รายการจดทะเบียนจัดตั้ง)
  • แบบ ว. (แบบวัตถุที่ประสงค์)
  • แบบ ก. (รายละเอียดกรรมการ)
  • ใบแจ้งผลจองชื่อนิติบุคคล (ต้องยังไม่หมดอายุ)
  • หลักฐานเห็นชอบในการจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
  • แบบ บอจ. 5 (บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น)
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น หรือผู้รับมอบฉันทะในการประชุมให้ความเห็นในกิจการที่ได้ประชุมจัดตั้งบริษัทพร้อมลายมือชื่อ
  • สำเนารายงานการประชุมตั้งบริษัท
  • สำเนาข้อบังคับ (พร้อมชำระอากรแสตมป์ 200 บาท)
  • สำเนาหลักฐานการรับชำระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้ผู้ถือหุ้น

สำหรับเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ให้ผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งเซ็นชื่อรับรองความถูกต้องของสำเนาเอกสาร ในส่วนของสำเนาบัตรประจำตัวผู้ถือหุ้นแต่ละราย สามารถลงลายมือชื่อรับรองด้วยตนเองได้โดยตรง

จัดเตรียมเอกสารสำหรับการจดทะเบียนบริษัท

3. ตั้งชื่อบริษัทที่ต้องการใช้ในการจดทะเบียน

การตั้งชื่อบริษัทเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ต้องระมัดระวัง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่ทำให้เข้าใจผิด ไม่ใช้พระนามของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ในพระราชวงศ์ปัจจุบัน ไม่ใช้ชื่อประเทศ กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการใด ๆ คุณสามารถจองชื่อบริษัทได้สูงสุด 3 ชื่อ โดยชื่อที่จองต้องไม่ซ้ำหรือใกล้เคียงกับชื่อบริษัทที่มีอยู่แล้ว 

วิธีการตรวจสอบและจองชื่อบริษัทสามารถทำได้ 2 ขั้นตอน คือ สมัครสมาชิกฟรีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และเข้าไปที่เมนู “จองชื่อ / ตรวจทะเบียนคำขอนิติบุคคล”

4. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและยื่นต่อนายทะเบียน

หนังสือบริคณห์สนธิ เป็นเอกสารแสดงความต้องการจัดตั้งบริษัท ต้องยื่นภายใน 30 วันหลังจากที่นายทะเบียนลงชื่อบนเอกสาร โดยเอกสารต้องระบุชื่อบริษัท ที่ตั้งสำนักงาน วัตถุประสงค์ ทุนจดทะเบียน ข้อมูลกรรมการ และรายละเอียดผู้ถือหุ้น

5. จัดให้มีการจองซื้อหุ้นบริษัทและนัดประชุมผู้ถือหุ้น

หลังจากดำเนินการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นของบริษัท โดยทุกคนสามารถเข้าซื้อหุ้นบริษัทได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจเท่านั้น ผู้ซื้อจะต้องซื้อหุ้นอย่างน้อย 1 หุ้น และเมื่อมีการจองซื้อหุ้นครบตามจำนวนที่กำหนด บริษัทจะต้องออกหนังสือเพื่อนัดประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมดอีกครั้ง

6. จัดประชุมบุคลากรที่ได้รับคัดเลือกในบริษัท

การจัดประชุมบุคลากรที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาทำงานในบริษัทมีจุดประสงค์เพื่อให้บุคลากรทุกคนได้รับข้อมูลสำคัญและมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ครอบคลุมเรื่องระเบียบและข้อบังคับขององค์กร กระบวนการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร การคัดเลือกผู้สอบบัญชีรับอนุญาตสำหรับการตรวจสอบและให้ความเห็นชอบต่องบการเงิน การประกาศเรื่องผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ริเริ่มก่อตั้งบริษัท ตลอดจนการชี้แจงเกี่ยวกับจำนวนหุ้นสุทธิของบริษัท

จัดประชุมบุคลากรที่ได้รับคัดเลือกในบริษัท

7. จัดตั้งคณะกรรมการบริษัท

ภายใน 3 เดือนหลังจากการประชุมบุคลากร ขั้นตอนสำคัญคือการจัดประชุมเพื่อตั้งคณะกรรมการบริษัท ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการจัดเก็บค่าหุ้นบริษัทจำนวน 25% ของราคาหุ้นจริงให้ครบแทนผู้ก่อตั้งบริษัท เพื่อยื่นขอจดทะเบียนบริษัท หากล่าช้ากว่ากำหนด การประชุมครั้งนั้นจะถือเป็นโมฆะและต้องจัดการประชุมขึ้นใหม่

8. ชำระเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท

การยื่นจดทะเบียนบริษัทมีค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระดังนี้

  • ค่าหนังสือรับรอง รายการละ 40 บาท
  • ค่ารับรองสำเนาเอกสารคำขอจดทะเบียน 50 บาท
  • ค่าใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน 100 บาท
  • ค่าอากรแสตมป์ 200 บาท
  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัทจำกัด 5,000 บาท

9. รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท

ขั้นตอนสุดท้ายคือการรับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ สามารถขอรับได้ที่นายทะเบียนหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในพื้นที่ เมื่อได้รับเอกสารแล้วถือว่าบริษัทถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการ

ช่องทางการจดทะเบียนบริษัท

ปัจจุบันสามารถจดทะเบียนบริษัทได้ 3 ช่องทางหลัก ดังนี้

  • การจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ ผ่านระบบ DBD Biz Regist เป็นวิธีที่สะดวกสบาย ทำได้จากที่บ้าน ไม่เสียค่าดำเนินการเพิ่มเติม และไม่ต้องเดินทาง 
  • การจดทะเบียนบริษัทผ่านการใช้บริการสำนักงานบัญชี โดยมอบหมายให้ผู้ชำนาญการจัดการแทน ไม่ต้องเตรียมเอกสารด้วยตนเอง ใช้เวลาเพียง 1-3 วัน แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  • การจดทะเบียนบริษัทที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ข้อดีคือดำเนินการเสร็จภายใน 1 วันและไม่เสียค่าดำเนินการ แต่ต้องเดินทางไปด้วยตนเองและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเปิดบริษัท

1. เปิดบริษัท ต้องทำอะไรบ้าง

เมื่อเปิดบริษัท สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อหลังจากจดทะเบียนเสร็จสิ้นคือ การดำเนินการตามภาระหน้าที่ทางกฎหมาย เช่น การจัดทำบัญชีและงบการเงิน การเสียภาษีต่าง ๆ การจัดการด้านประกันสังคมสำหรับพนักงาน การขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) รวมถึงการเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคล นอกจากนี้ ควรมีการวางแผนการตลาดและการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และเติบโตอย่างยั่งยืน

3. 2 คนสามารถเปิดบริษัทได้หรือไม่

ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป กฎหมายอนุญาตให้จดทะเบียนบริษัทจำกัดโดยมีผู้ก่อตั้งตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องมี 3 คนเหมือนเดิม

 

การเปิดบริษัทเป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องและครบถ้วน การทำความเข้าใจขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท ทั้ง 9 ขั้นตอนจะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากจดทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว การเลือกฤกษ์เปิดกิจการที่เหมาะสมจะช่วยเสริมโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองให้กับธุรกิจใหม่ของคุณ

หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยออกแบบออฟฟิศใหม่ Siam Okamura ให้บริการออกแบบออฟฟิศครบวงจรตั้งแต่การวางผังเค้าโครง การให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการจัดการโครงการและการบำรุงรักษา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สำนักงานคุณภาพจากญี่ปุ่น ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ทำงาน ที่จะช่วยเติมเต็มออฟฟิศของคุณให้พร้อมใช้งานอย่างมีสไตล์และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Latest posts

SEE ALL