ตั้งเป้าหมายในการทำงานให้ปังกว่าเดิมด้วยเทคนิค SMART Goal!

October 18, 2023

ใช้เวลาอ่าน 2 นาที

ตั้งเป้าหมายในการทำงานให้ปังกว่าเดิมด้วยเทคนิค SMART Goal!

โพสใน

ไม่ว่าใครก็ตามที่มี Routine การทำงานที่จำเจ ปัญหาหมดไฟหรือการเบื่อที่จะทำอะไรแบบเดิมๆ เป็นปัญหาที่สามารถพบเจอได้ไม่ใช่เรื่องแปลก บางคนอาจจะเลือกหางานใหม่ แต่ในยุคนี้การหางานนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด หากเพียงแค่เบื่ออะไรที่จำเจแต่ไม่ได้อยากที่จะเสี่ยงกับความเปลี่ยนแปลง การตั้งเป้าหมายในการทำงาน เพื่อเพิ่มความท้าทายในชีวิต อาจจะช่วยให้สนุกกับการทำงานได้อีกครั้ง 

how-to-set-your-work-goal

ทำไมการตั้งเป้าหมายในการทำงานถึงสำคัญ

 

เนื่องจากการที่เราทำอะไรแบบเดิมๆ ในชีวิตอยู่เป็นประจำ อย่างเช่น การที่เราตื่นนอนในเวลาเดิมทุกๆ เช้า เพื่อที่จะไปทำงานตลอดทั้งวัน และกลับบ้านมานอน เตรียมตัวไปทำงานในวันถัดไป การเห็นบรรยากาศการทำงานแบบเดิมๆ จะทำให้เรารู้สึกเบิร์นเอาท์ได้ง่าย การตั้งเป้าหมายในชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราสามารถที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้นได้ ทำให้เรารู้สึกมีไฟที่จะทำบางสิ่งบางอย่างด้วยความสนุกและความตื่นเต้น โดยสามารถเริ่มต้นได้จากอะไรง่ายๆ อย่างการเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน เปลี่ยนห้องทำงาน ตกแต่งออฟฟิศหรือห้องทำงานด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ชื่นชอบ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดีเอื้อแก่การทำงานระยะยาว และเริ่มตั้งเป้าหมาย SMART Goal

เทคนิคการตั้งเป้าหมายในการทำงานด้วย SMART Goal

เทคนิคการตั้งเป้าหมายในการทำงานด้วย SMART Goal

 

เมื่อมีบรรยากาศของออฟฟิศหรือห้องทำงานที่ไม่น่าเบื่อจำเจแล้ว การเริ่มตั้งเป้าหมาย SMART Goal จะเปรียบเสมือนเข็มทิศในการนำทางให้คุณสามารถที่จะประสบความสำเร็จตามจุดหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยการตั้งเป้าหมายในการทำงาน SMART Goal มีหลักการง่ายๆ ดังนี้

S – Specific

Specific หรือ การระบุเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน เมื่อเริ่มต้นที่จะตั้งเป้าหมายในการทำงานแล้ว การระบุเป้าหมายที่ชัดเจนและละเอียด อย่างเช่น หากคุณต้องการค่าคอมมิชชั่น ให้ทำการกำหนดเลยว่าในเดือนนี้จะต้องปิดยอดขายให้ได้เท่าไหร่ เพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นในเดือนนี้เท่าไหร่ ยิ่งกำหนดรายละเอียดชัดเจนเท่าไหร่จะยิ่งสามารถเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้นมากเท่านั้น

M – Measurable

Measurable เมื่อตั้งเป้าหมายไว้แล้วต้องหมั่นประเมินและวัดผลการทำงานของตนเอง นอกจากจะทำให้ทราบได้ถึงโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายแล้ว ยังจะทำให้สามารถวิเคราะห์ถึงปัจจัยหรือข้อจำกัดระหว่างทาง ที่อาจส่งผลแก่การทำงาน หากพบเจอปัญหาจะสามารถปรับเปลี่ยนแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น

A – Attainable 

Attainable เป้าหมายที่ตั้งจะต้องสามารถสำเร็จได้จริง การตั้งเป้าหมายในการทำงานจะต้องเป็นเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง เพราะหากเราสร้างเป้าหมายที่โอกาสในการจะประสบความสำเร็จเป็นไปไม่ได้หรือยากจนเกินไป แทนที่จะพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีขึ้นอาจทำให้รู้สึกเสียสุขภาพจิตแทนได้

R – Relevant

Relevant ตั้งเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและการทำงานของตนเองอย่างสมเหตุสมผล ยกตัวอย่างเช่น หากทำงานในด้านของมาร์เก็ตติ้ง เป้าหมายในการทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างการตั้งยอดให้ทะลุเป้า ถือว่าเป็นเป้าหมายที่สมเหตุสมผล แต่หากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตและการทำงานในปัจจุบัน อาจต้องมองหางานใหม่ๆ ที่ชื่นชอบแทน เนื่องจากงานที่ทำอยู่ในตอนนี้อาจจะไม่ใช่งานที่ชอบหรือต้องการที่จะประสบความสำเร็จในด้านที่ทำอยู่

T – Time Bound

Time Bound ทำการกำหนดระยะเวลาบรรลุเป้าหมายอย่างชัดเจน การตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะเป็นแรงผลักดันให้ตนเองพัฒนาจะต้องมีการกำหนดระยะเวลา เป็นการสร้างความกระตือรือร้นให้ตนเองอยากที่จะไปถึงจุดหมายมากยิ่งขึ้น หากไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการทำตามเป้าหมาย ก็จะไม่ต่างอะไรจากการใช้ชีวิต Routine เช่นกับที่ผ่านมา

how-to-set-your-work-goal-1

สรุปบทความ

 

แน่นอนว่าทุกอาชีพ ทุกการทำงาน การทำอะไรซ้ำๆ แบบเดิมๆ อย่างจำเจ เป็นสิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายและหมดไฟได้จริง แต่หากเราเพียงแค่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่ทำงานให้ได้บรรยากาศในการนั่งทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานให้มีความตื่นเต้นมากขึ้นด้วยการตั้ง เป้าหมายในการทำงาน อาจไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากเป้าหมายใหญ่ เพียงเริ่มจากอะไรเล็กๆ และค่อยๆ ท้าทายตัวเองมากขึ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถกลับมามีความสุขกับการทำงานได้แล้ว และที่สำคัญหากสามารถทำตามเป้าหมายได้แล้ว อย่าลืมที่จะให้รางวัลตัวเอง

Latest posts

SEE ALL